แก้วไวน์มีหลายแบบที่ออกแบบมาเพื่อเสริมประสบการณ์การดื่มไวน์ชนิดต่างๆ นี่คือ ชนิดของแก้วไวน์ หลัก ๆ
ชนิดของแก้วไวน์
- แก้วไวน์แดง (Red Wine Glass)
- แก้วบอร์โด (Bordeaux Glass): มีรูปทรงใหญ่และสูง ช่วยให้ไวน์ได้สัมผัสกับอากาศมากขึ้น ทำให้รสชาติและกลิ่นของไวน์ชัดเจนขึ้น ใช้สำหรับไวน์ที่มีเนื้อเข้มข้น เช่น Cabernet Sauvignon, Merlot
- แก้วเบอร์กันดี (Burgundy Glass): มีรูปทรงกว้างและลึกกว่าแก้วบอร์โด ช่วยให้ออกซิเจนสัมผัสกับไวน์มากขึ้น ทำให้รสชาติและกลิ่นเปิดออก ใช้สำหรับไวน์ที่มีความซับซ้อนและนุ่มนวล เช่น Pinot Noir
- แก้วไวน์ขาว (White Wine Glass)
- มีรูปทรงเล็กและแคบกว่าแก้วไวน์แดง เพื่อรักษาความเย็นและกลิ่นหอมของไวน์ ใช้สำหรับไวน์ที่มีความสดชื่นและมีกลิ่นหอม เช่น Chardonnay, Sauvignon Blanc
- แก้วไวน์โรเซ่ (Rosé Wine Glass)
- มีรูปทรงคล้ายกับแก้วไวน์ขาว แต่บางทีอาจมีขอบปากแคบกว่า เพื่อเน้นกลิ่นหอมของไวน์โรเซ่
- แก้วไวน์สปาร์คกลิ้ง (Sparkling Wine Glass)
- ฟลูท (Flute): มีรูปทรงยาวและแคบ ช่วยรักษาฟองและความเย็นของสปาร์คกลิ้งไวน์ ใช้สำหรับแชมเปญและไวน์สปาร์คกลิ้ง
- คูป (Coupe): มีรูปทรงกว้างและแบน บางคนเชื่อว่าใช้สำหรับแชมเปญ แต่จะทำให้ฟองหายเร็วกว่าแก้วฟลูท
- แก้วไวน์ขนมหวาน (Dessert Wine Glass)
- มีขนาดเล็กกว่าแก้วไวน์ทั่วไป เพื่อให้ได้ปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากไวน์ขนมหวานมักมีความหวานและความเข้มข้นสูง ใช้สำหรับไวน์ขนมหวาน เช่น Port, Sherry
- แก้วไวน์ยูนิเวอร์ซัล (Universal Wine Glass)
- ออกแบบมาให้สามารถใช้กับไวน์ทั้งแดง ขาว และโรเซ่ มีรูปทรงกลางๆ ระหว่างแก้วไวน์แดงและไวน์ขาว เหมาะสำหรับการใช้ในสถานการณ์ทั่วไป
การใช้แก้วไวน์ที่เหมาะสมกับประเภทของไวน์จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการดื่มไวน์ของคุณอย่างมาก
รูปของลักษณะแก้วไวน์แบบต่าง ๆ
เทคนิคการจับแก้วไวน์
- จับที่ก้านแก้ว: อย่างที่กล่าวไปแล้ว ควรจับที่ก้านแก้วเพื่อรักษาอุณหภูมิของไวน์และป้องกันไม่ให้ไวน์ร้อนได้เร็ว
- จับให้มั่นคงแต่ไม่แน่นเกินไป: ใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลางในการจับก้านแก้วอย่างเบามือ เพื่อให้แก้วมั่นคง แต่ไม่ทำให้แก้วแตกหรือลื่นหลุดมือ
- หลีกเลี่ยงการจับที่ฐานแก้ว: ถึงแม้ว่าการจับที่ฐานแก้วอาจดูเท่ แต่ไม่แนะนำเพราะอาจทำให้แก้วไม่มั่นคงและไวน์หกได้ง่าย
เทคนิคการดื่มไวน์แดง
- ดูและสังเกตสีของไวน์: ถือแก้วไวน์ขึ้นมาให้แสงส่องผ่านไวน์ จะช่วยให้คุณเห็นสีของไวน์ได้ชัดเจน สีของไวน์สามารถบอกข้อมูลเกี่ยวกับอายุและประเภทของไวน์ได้
- หมุนแก้วไวน์: การหมุนแก้วไวน์เบาๆ จะช่วยให้ออกซิเจนเข้ามาผสมกับไวน์ ซึ่งจะช่วยปลดปล่อยกลิ่นหอมของไวน์ออกมา
- ดมกลิ่นไวน์: ก่อนที่จะดื่มให้ดมกลิ่นไวน์โดยเอาจมูกเข้าใกล้ปากแก้ว กลิ่นของไวน์จะบอกถึงรสชาติที่คุณจะได้ลิ้มลอง
- จิบไวน์ช้าๆ: เมื่อดื่มให้จิบไวน์อย่างช้าๆ และให้ไวน์สัมผัสกับทุกส่วนของลิ้น เพื่อให้คุณได้สัมผัสรสชาติที่ซับซ้อนของไวน์
- รับรู้รสชาติและรสสัมผัส: สังเกตรสชาติที่คุณได้รับจากไวน์ เช่น ผลไม้ เครื่องเทศ หรือรสไม้โอ๊ค และรสสัมผัส เช่น ความนุ่มนวล ความเข้มข้นของไวน์
การทำตามเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการดื่มไวน์แดงได้อย่างเต็มที่ และเพิ่มประสบการณ์ในการดื่มไวน์ของคุณ
Post Views: 186