รู้จัก 10 ประเภทคราฟต์เบียร์ที่เจอกันบ่อย ๆ

คราฟต์เบียร์มีหลากหลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีรสชาติ กลิ่น และลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน นี่คือ ประเภทคราฟต์เบียร์ ที่พบได้บ่อย

  1. Pale Ale
    คุณลักษณะ: Pale Ale เป็นเบียร์ที่มีสีอำพันอ่อนถึงสีทอง รสชาติสมดุลระหว่างความหวานของมอลต์และความขมของฮ็อปส์ มักมีความเข้มของแอลกอฮอล์ปานกลาง
    ตัวอย่าง: American Pale Ale (APA), English Pale Ale
  2. India Pale Ale (IPA)
    คุณลักษณะ: IPA เป็นเบียร์ที่มีรสชาติและกลิ่นของฮ็อปส์ชัดเจนมากกว่าพวก Pale Ale โดยทั่วไปจะมีความขมสูง และมีกลิ่นหอมของผลไม้หรือดอกไม้
    ตัวอย่าง: American IPA, New England IPA (NEIPA), Double IPA (DIPA)
  3. Stout
    คุณลักษณะ: Stout เป็นเบียร์สีดำเข้มที่มีรสชาติเข้มข้น มักมีกลิ่นและรสของช็อกโกแลต กาแฟ หรือคาราเมล รสชาติหนักแน่นและมีความหวานเล็กน้อย
    ตัวอย่าง: Dry Stout, Imperial Stout, Milk Stout
  4. Porter
    คุณลักษณะ:
    Porter มีลักษณะคล้ายกับ Stout แต่มีรสชาติที่เบากว่าเล็กน้อย มักมีรสชาติของช็อกโกแลตหรือคาราเมล และมีความหวานและขมที่สมดุล
    ตัวอย่าง: Brown Porter, Robust Porter, Baltic Porter
  5. Wheat Beer
    คุณลักษณะ:
    Wheat Beer มีสัดส่วนของมอลต์ข้าวสาลีสูง ทำให้มีรสชาติหอมหวานและสดชื่น เบียร์ประเภทนี้มักมีสีอ่อนและมีฟองหนานุ่ม
    ตัวอย่าง: Hefeweizen, Witbier, American Wheat Beer
  6. Saison
    คุณลักษณะ: Saison เป็นเบียร์ที่มีสีทองถึงส้มอ่อน มีรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย มีกลิ่นหอมของผลไม้และเครื่องเทศ ความซับซ้อนของรสชาติทำให้เป็นเบียร์ที่นิยมดื่มในช่วงฤดูร้อน
    ตัวอย่าง: Belgian Saison, Farmhouse Ale
  7. Belgian Ale
    คุณลักษณะ:
    Belgian Ale มักมีรสชาติหวานและมีกลิ่นหอมของเครื่องเทศ ผลไม้แห้ง และยีสต์ รสชาติของ Belgian Ale จะมีความซับซ้อนและเข้มข้น
    ตัวอย่าง: Belgian Dubbel, Belgian Tripel, Belgian Quadrupel
  8. Pilsner
    คุณลักษณะ:
    Pilsner เป็นเบียร์สีทองอ่อนที่มีความขมจากฮ็อปส์ปานกลางถึงสูง มีความสดชื่นและกลิ่นหอมของดอกไม้หรือสมุนไพร รสชาติค่อนข้างเบาและดื่มง่าย
    ตัวอย่าง: German Pilsner, Czech Pilsner
  9. Amber Ale
    คุณลักษณะ:
    Amber Ale มีสีอำพันถึงน้ำตาลเข้ม มีรสชาติหวานจากมอลต์ที่เด่นชัด และมีความขมของฮ็อปส์ที่สมดุลกัน มักมีกลิ่นหอมของคาราเมลหรือผลไม้
    ตัวอย่าง: American Amber Ale, Irish Red Ale
  10. Barleywine
    คุณลักษณะ:
    Barleywine เป็นเบียร์ที่มีความเข้มข้นและแอลกอฮอล์สูง มักมีรสชาติหวานของมอลต์และกลิ่นหอมของผลไม้แห้งและเครื่องเทศ ความขมของฮ็อปส์อาจมีตั้งแต่ต่ำไปถึงสูง
    ตัวอย่าง: American Barleywine, English Barleywine

รู้จักเบียร์คราฟต์สไตล์ไทย

สไตล์เบียร์คราฟต์ในประเทศไทยมีความหลากหลายและเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากผู้ผลิตคราฟต์เบียร์ในไทยได้นำเอาสไตล์เบียร์จากต่างประเทศมาปรับปรุงให้เข้ากับวัตถุดิบท้องถิ่นและรสนิยมของคนไทย นี่คือสไตล์เบียร์คราฟต์ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักในไทย

1. Thai Pale Ale (TPA)
  • ลักษณะ: เป็นการปรับปรุงสไตล์ Pale Ale แบบอเมริกัน โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เช่น มะกรูด ตะไคร้ หรือขิง เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ไทย เบียร์สไตล์นี้มักจะมีความหอมสดชื่นของสมุนไพรและเครื่องเทศไทย รวมถึงมีความขมจากฮ็อปส์ที่สมดุลกัน
2. Thai IPA
  • ลักษณะ: IPA ที่มีความขมและกลิ่นหอมของฮ็อปส์ชัดเจน แต่มีการเพิ่มวัตถุดิบไทย เช่น มะพร้าวหรือผลไม้เมืองร้อน เพื่อสร้างรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ มักจะมีกลิ่นและรสชาติของผลไม้ เช่น มะม่วง สัปปะรด หรือมะขาม ที่ให้ความรู้สึกแบบทรอปิคอล
3. Wheat Beer (เบียร์ข้าวสาลีแบบไทย)
  • ลักษณะ: เบียร์ข้าวสาลีที่ปรับปรุงให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย มักจะมีความเบา สดชื่น และมีรสชาติหวานนิดๆ จากข้าวสาลี ผสมกับผลไม้หรือสมุนไพรไทย เช่น มะกรูด ส้ม หรือขิง ทำให้มีความหอมและดื่มง่าย
4. Herbal and Spice Beer
  • ลักษณะ: เบียร์ที่ใช้สมุนไพรและเครื่องเทศไทยเป็นส่วนผสมหลัก เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด ขิง หรือพริก มักจะเป็นเบียร์ที่มีรสชาติแปลกใหม่และกลิ่นหอมเฉพาะตัว ซึ่งสร้างความแตกต่างจากเบียร์สไตล์อื่นๆ
5. Fruit Beer (เบียร์ผลไม้ไทย)
  • ลักษณะ: เบียร์ที่ใช้ผลไม้ไทยเป็นส่วนผสม เช่น มะม่วง มังคุด ลำไย หรือสัปปะรด ผลไม้เหล่านี้มักจะถูกนำมาผสมในกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวและกลิ่นหอมสดชื่น เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ดื่มที่ชื่นชอบรสชาติที่หวานและสดชื่น
6. Coconut Stout
  • ลักษณะ: Stout ที่มีการเพิ่มมะพร้าวเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมของมะพร้าว ตัวเบียร์มีรสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมของมอลต์ย่าง และช็อกโกแลต มะพร้าวทำให้เบียร์นี้มีเอกลักษณ์เฉพาะและเป็นที่นิยมในหมู่คนที่ชอบเบียร์รสชาติเข้มข้น
7. Rice Beer (เบียร์ข้าวไทย)
  • ลักษณะ: เบียร์ที่ใช้ข้าวไทยเป็นส่วนประกอบหลักในการหมัก เช่น ข้าวหอมมะลิ หรือข้าวเหนียว เบียร์เหล่านี้มักจะมีรสชาติและกลิ่นที่หอมหวานนุ่มนวลจากข้าว และมีความนุ่มนวลเป็นเอกลักษณ์
8. Saison Thai Style
  • ลักษณะ: Saison ที่ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนในไทย โดยมักจะมีการเพิ่มสมุนไพรหรือผลไม้ท้องถิ่นเพื่อเพิ่มความหอมและรสชาติ เบียร์สไตล์นี้มักจะมีความซับซ้อนและเปรี้ยวเล็กน้อย ทำให้ดื่มง่ายและสดชื่น
9. Thai Lager
  • ลักษณะ: Lager ที่มีการปรับปรุงให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคไทย เบียร์สไตล์นี้มักจะมีรสชาติที่เบา ดื่มง่าย และมีความสดชื่น เหมาะกับการดื่มในสภาพอากาศร้อน มักจะมีการเติมสมุนไพรหรือผลไม้เพื่อเพิ่มความหอม
10. Thai Cider
  • ลักษณะ: แม้จะไม่ใช่เบียร์โดยตรง แต่ไซเดอร์ในไทยก็กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ไซเดอร์ที่ผลิตในไทยมักจะใช้ผลไม้ท้องถิ่น เช่น แอปเปิ้ล ส้ม หรือแม้แต่ผลไม้เมืองร้อนอย่างมะม่วงหรือเสาวรส ทำให้ได้รสชาติที่สดชื่นและมีความเปรี้ยวหวานสมดุล

คอร์ส Workshop

คอร์ส Workshop

เรื่องน่าอ่าน